เรื่องระบบแกนพิกัดฉาก (rectangular coordinate system)
ในชีวิตประจาวัน
เรามักพบสถานการณ์ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสองปริมาณอยู่เสมอ เช่น
ระยะทางที่โดยสารรถประจาทางกับค่าโดยสาร ระยะทางที่ใช้ในการเดินทางกับเวลา
ปริมาณของน้ำประปาที่ใช้กับค่าน้ำ
เราสามารถเขียนแสดงความสัมพันธ์เหล่านี้ในรูปตาราง แผนภาพ คู่อันดับ
รวมทั้งการแสดงในรูปอื่น ๆ เช่น กราฟ
กราฟ (graph) คือ
ภาพของจุดที่ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของสองสิ่งโดยใช้ระบบแทนปริมาณด้วยระยะห่างจากเส้นตรงสองเส้น
เส้นตรงแต่ละเส้น เรียกว่า แกน (axis)
ถ้าเส้นตรงทั้งสองตัดกันเป็นมุมฉาก
เรียกระบบนั้นว่า ระบบแกนพิกัดฉาก(rectangular coordinate system)
ระบบแกนพิกัดฉาก
ระบบแกนพิกัดฉาก
คือ ระบบที่บอกพิกัดของจุดด้วยระยะห่างจากแกนที่ตัดกันเป็นมุมฉากโดยปกติจะวางแกนทั้งสองในแนวระดับ
และแนวดิ่ง
อักษรที่ใช้เป็นชื่อแกน นิยมใช้ X และ Y
1. แกน X อยู่ในแนวระดับ
เรียกว่า แกนนอน ( horizontal axis )
2. แกน
Y อยู่ในแนวดิ่ง เรียกว่า แกนตั้ง ( vertical axis )
3. จุดกำเนิด
(origin) คือ จุดที่แกนทั้งสองตัดกันแทนด้วย อักษร O
(โอ) O เป็นจุดเริ่มต้นของการนับระยะบนแกนทั้งสองใช้แทน
ศูนย์ ( 0 ) ถ้านับมาทางขวาหรือขึ้น ข้างบนเป็นจานวนบวก ( positive)
ถ้านับมาทางซ้ายหรือลงข้างล่าง เป็นจานวนลบ ( negative)
4. พิกัดร่วม
(coordinate) คือตำแหน่งของจุดใดๆ
บนระนาบของระบบซึ่งกำหนดด้วยระยะทางที่จุดนั้นอยู่ห่างจากแกนทั้งสอง
โดยทั่วไปเราเขียนคู่อันดับใด ๆ ในรูป (x, y)เมื่อ x แทนจานวนที่อยู่บนแกน X และ y แทนจานวนที่อยู่บนแกน
Y
x หมายถึง
ระยะที่นับบนแกน X เรียกว่า ระยะระดับ (abscissa)
y หมายถึง
ระยะที่นับบนแกน Y เรียกว่า ระยะดิ่ง ( ordinate)
เพื่อแสดงตำแหน่งของคู่อันดับในระบบพิกัดฉาก
ถ้าจุด P
เป็นจุดบนระนาบที่มีคู่อันดับเป็น (x, y)จะกล่าวว่า
P มีพิกัดเป็น (x, y) โดยที่ x เป็นสมาชิกตัวที่หนึ่ง และ y เป็นสมาชิกตัวที่สองและอาจเขียนแทนพิกัดของ
P ด้วย P (x, y) เพื่อความสะดวกเรานิยมใช้กระดาษกราฟในการเขียนกราฟซึ่งจะช่วยในการอ่านกราฟได้ง่ายและถูกต้องยิ่งขึ้น
5. หน่วยบนแกนทั้งสอง
บนแกนเดียวกันต้องใช้หน่วยเดียวกัน (ทั้งบวกและลบ) แต่หน่วยบนแกน
X อาจใช้หน่วยต่างจากหน่วยบนแกน Y ได้
โดยปกติเราจึงอาจเลือกใช้หน่วยใน แต่ละแกนให้เหมาะสมได้
6. จุดที่แกนตัดกันเป็นจุด
( 0, 0) คือ x = 0, y = 0 ดังนั้นจุดกำเนิดหรือจุดO
(โอ) จึงตรงกับจุดศูนย์ของแกนทั้งสอง จะเรียกว่าเป็นจุด O (โอ) หรือจุด 0 (ศูนย์) ก็ได้
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับแกน X และ แกน Y
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับแกน
X
และ แกน Y จะแบ่งระนาบออกเป็น 4 ส่วนแต่ละส่วนเรียกว่าจตุภาค (Quadrant)
จุด ...... และ
...... มีพิกัดอยู่ในจตุภาคที่ 1
จุด ...... และ
...... มีพิกัดอยู่ในจตุภาคที่ 2
จุด ...... และ
...... มีพิกัดอยู่ในจตุภาคที่ 3
จุด ...... และ
...... มีพิกัดอยู่ในจตุภาคที่ 4
|
คู่อันดับ
นักเรียนเคยพบการเขียนแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสองชุดโดยใช้กราฟ
บนระนาบในระบบพิกัดฉากมาแล้ว กราฟที่นักเรียนรู้จักมีทั้งกราฟที่เป็นเส้นตรงและไม่เป็นเส้นตรงในหัวข้อนี้นักเรียนจะได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกราฟที่มีลักษณะเป็นเส้นตรง
ส่วนหนึ่งของเส้นตรงหรือเป็นจุดที่เรียงอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันให้นักเรียนพิจารณาสถานการณ์ต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 1 ในตารางต่อไปนี้
เขียนแผนภาพแสดงการจับคู่ได้ดังนี้
เขียนคู่อันดับแสดงการอ่านและบอกความหมาย
ได้ดังนี้
(1, 12) อ่านว่า
คู่อันดับหนึ่ง สิบสอง หมายความว่า ไอศกรีม 1 แท่ง ราคา 12
บาท
(2, 24) อ่านว่า
คู่อันดับสอง ยี่สิบสี่ หมายความว่า ไอศกรีม 2 แท่ง ราคา 24 บาท
(3,36) อ่านว่า
คู่อันดับสาม สามสิบหก หมายความว่า ไอศกรีม 3 แท่ง ราคา 36
บาท
(4, 48) อ่านว่า
คู่อันดับสี่ สี่สิบแปด หมายความว่า ไอศกรีม 4 แท่ง ราคา 48
บาท
(5, 60) อ่านว่า คู่อันดับห้า หกสิบ หมายความว่า ไอศกรีม 5 แท่ง ราคา 60
บาท
|
ตัวอย่างที่ 2 จากแผนภาพที่กำหนดให้
จงเขียนคู่อันดับ และกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนดินสอและราคา
วิธีทำ
แผนภาพแสดงการจับคู่ระหว่างจำนวนดินสอและราคา ได้ดังนี้
เขียนกราฟและแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนดินสอกับราคา ได้ดังนี้
|
กำหนดเส้นตรง XX' , YY' และ ZZ' เป็นเส้นตรงที่ผ่านจุด O และตั้งฉากซึ่งกันและกันโดยกำหนด ทิศทางของเส้นตรงทั้งสามเป็นระบบมือขวา ดังรูป 1
รูป 1
ถ้าเส้นตรงทั้งสามเป็นเส้นจำนวน (real
line) จะเรียกเส้นตรง XX' , YY' และ
ZZ' ว่า
แกนพิกัด X แกนพิกัด Y และ
แกนพิกัด Z หรือเรียนสั้นๆ ว่า แกน X (x-axis) แกน Y (y-axis) และ แกนZ (z-axis) และเรียนจุด O ว่า จุดกำเนิด (origin) ดังรูป 2
รูป 2
เรียกส่วนของเส้นตรง OX OY และ
OZ ว่า แกน X ทางบวก (positive x-axis)
แกน Y ทางบวก (positive y-axis) และ แกน Z ทางบวก (positive z-axis) และเรียกส่วนของเส้นตรง OX' OY' และ OZ' ว่า แกน X ทางลบ (negative x-axis) แกน Y ทางลบ (negative y-axis) และแกน Z ทางลบ (negative z-axis) โดยทั่วไปเมื่อเขียนรูปแกนพิกัดในสามมิติ นิยมเขียนเฉพาะ
แกน X แกน Y และ แกน Z ที่เน้นเฉพาะทางด้านที่แทนจำนวนจริงบวกซึ่งมีหัวลูกศรกำกับ
ดังรูป
3 หรือ รูป 4
รูป 3
รูป 4
แกน X แกน Y และ แกน
Z จะกำหนดระนาบขึ้น 3 ระนาบ เรียกว่า
ระนาบอ้างอิง
• เรียกระนาบที่กำหนดด้วย แกน X และแกน Y ว่า ระนาบอ้างอิง XY หรือ ระนาบ XY
• เรียกระนาบที่กำหนดด้วย แกน X และแกน Z ว่า ระนาบอ้างอิง XZ หรือ ระนาบ XZ
• เรียกระนาบที่กำหนดด้วย แกน Y และแกน Z ว่าระนาบอ้างอิง YZ หรือ ระนาบ YZ (ดังรูป 5)
• เรียกระนาบที่กำหนดด้วย แกน X และแกน Y ว่า ระนาบอ้างอิง XY หรือ ระนาบ XY
• เรียกระนาบที่กำหนดด้วย แกน X และแกน Z ว่า ระนาบอ้างอิง XZ หรือ ระนาบ XZ
• เรียกระนาบที่กำหนดด้วย แกน Y และแกน Z ว่าระนาบอ้างอิง YZ หรือ ระนาบ YZ (ดังรูป 5)
รูป 5
ระนาบ XY ระนาบ YZ และระนาบ
XZ ทั้งสามระนาบ จะแบ่งปริภูมิสามมิติ ออกเป็น 8 บริเวณ คือ เหนือระนาบ XY จำนวน 4 บริเวณ และใต้ระนาบ XY จำนวน 4 บริเวณ เรียกแต่ละบริเวณว่า อัฒภาค (octant) ดังรูปที่ 6
อัฒภาคที่บรรจุ แกน X แกน Y และแกน Z ทางบวกจะเรียกว่า อัฒภาคที่ 1 ส่วนอัฒภาคอื่นๆ จะใช้ข้อตกลงเดียวกับในระบบพิกัดฉากสองมิติ (นับทวนเข็มนาฬิกา) โดยพิจารณาบริเวณเหนือระนาบ XY ก่อน
การใช้ประโยชน์ในระบบพิกัดฉาก
ระบบพิกัดในงานด้านแผนที่
แผนที่เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากสื่ออื่นๆคือเก็บและแสดงข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์แก่ผู้ใช้
แผนที่ก็เหมือนสื่ออื่นๆที่ล้วนแต่มีรูปแบบในการเก็บและแสดงข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัน
เช่น ข้อความในเอกสารก็ต้องเป็นไปตามไวยากรณ์ของภาษาที่ใช้ แผนที่ก็เช่นกันต้องมีรูปแบบหรือไวยากรณ์ของมัน
ไวยากรณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อันหนึ่งของแผนที่ก็คือข้อมูลที่อยู่ในแผนที่นั้นเก็บตำแหน่งของสิ่งต่างๆบนโลกและแสดงข้อมูลนั้นตามตำแหน่งที่สามารถสื่อให้ผู้ใช้รู้ถึงตำแหน่งและความสัมพันธ์ทางตำแหน่งของสิ่งที่สนใจบนโลก ดังนั้นในทุกขั้นตอนของการทำแผนที่จึงล้วนเกี่ยวข้องกับการกำหนด,จัดการและแสดงตำแหน่งของสิ่งต่างๆที่อยู่บนโลก เริ่มตั้งแต่การสำรวจทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ
เพื่อจัดเก็บข้อมูลตำแหน่งของสิ่งต่างๆโดยอ้างอิงระบบพิกัดสามมิติ ไปจนถึงการแสดงข้อมูลตำแหน่งนั้นบนแผนที่ซึ่งเป็นระนาบสองมิติ
ตำแหน่งของสิ่งต่างๆเหล่านั้นโดยทั่วไปแล้วแสดงในรูปของพิกัด ซึ่งเป็นตัวเลขหรือตัวอักษร
หรือทั้งสองอย่างที่อ้างอิงอยู่กับจุดกำเนิดและแกนของระบบพิกัดเพื่อประโยชน์ในการกำหนดตำแหน่งของสิ่งที่ต้องการ
การจำแนกระบบพิกัดตามมิติ
ระบบพิกัดที่ใช้มากในงานแผนที่คือ
ระบบพิกัดสองมิติ และ ระบบพิกัดสามมิติ ระบบพิกัดสองมิติใช้กำหนดตำแหน่งของจุดบนระนาบ
เช่น การแสดงข้อมูลบนแผนที่ที่แสดงพิกัดหนึ่งในการกำหนดตำแหน่งในแนวตะวันออก-ตะวันตก
และ อีกพิกัดหนึ่งในการกำหนดตำแหน่งในแนวเหนือ-ใต้ เช่น ตำแหน่งของหมู่บ้านหนึ่งอยู่ที่พิกัด
(697700 ม.,1618600 ม.) ตัวอย่างของระบบพิกัดสองมิติได้แก่ ระบบพิกัด
UTM (Universal Transverse Mercator) ที่ใช้ในแผนที่ภูมิประเทศของกรมแผนที่ทหาร
ส่วนการกำหนดตำแหน่งบนโลกมักเป็นระบบพิกัดสามมิติ เช่น การกำหนดพิกัดโดยใช้ค่าลองจิจูด
แลตติจูด และ ความสูงจากระดับทะเลปานกลาง ในการแสดงตำแหน่งของสิ่งต่างๆบนโลกที่อยู่ในระบบพิกัดสามมิติลงบนแผนที่ที่เป็นสองมิติ
ทำผ่านกระบวนการฉายแผนที่ การวัดระยะบนแนวเส้นตรงนับได้ว่าเป็นระบบพิกัดหนึ่งมิติที่แสดงพิกัดในรูปของระยะที่วัดในแนวเส้นตรงนั้นจากจุดที่กำหนดเป็นจุดเริ่ม
การจำแนกระบบพิกัดตามลักษณะของแกนอ้างอิง
การจำแนกระบบพิกัดตามลักษณะของแกนอ้างอิงสามารถจำแนกระบบพิกัดออกได้เป็นระบบพิกัดฉาก (rectangular หรือ Cartesian)
และ ระบบพิกัดขั้ว (polar หรือ spherical)
ระบบพิกัดฉากเป็นการกำหนดพิกัดโดยมีแกนที่ตั้งฉากซึ่งกันและกันเป็นแกนอ้างอิง
การกำหนดพิกัดทำโดยระยะที่วัดเป็นแนวตั้งฉากกับแกนอ้างอิงแต่ละแกน ส่วนระบบพิกัดขั้วนั้นกำหนดตำแหน่งโดยใช้ระยะและมุม
ระบบพิกัดขั้วเป็นการกำหนดจุดกำเนิดและแนวหรือระนาบอ้างอิง พิกัดจะแสดงในรูปของระยะที่วัดจากจุดกำเนิดที่กำหนดและมุมที่วัดจากแนวหรือระนาบอ้างอิง
การจำแนกระบบพิกัดตามจุดกำเนิด
การจำแนกแบบนี้สามารถจำแนกระบบพิกัดออกเป็นระบบพิกัดที่มีจุดกำเนิดอยู่ที่จุดศูนย์กลางของโลกและระบบพิกัดที่มีจุดกำเนิดบนผิวโลก
ตัวอย่างของระบบพิกัดที่มีจุดกำเนิดอยู่ที่จุดศูนย์กลางของโลกได้แก่ระบบที่ใช้กำหนดพิกัดบนโลกเช่นระบบพิกัดภูมิศาสตร์
ส่วนระบบพิกัดบนแผนที่โดยทั่วไปแล้วเป็นระบบพิกัดที่มีจุดกำเนิดบนผิวโลก
วีดีโอการลงจุดบยระบบพิกัดฉาก
แหล่งสืบค้นข้อมูล
http://www.rtsd.mi.th/section/school/coordinate/coordinate.htm
http://www.youtube.com/watch?v=UiXU4Cv1ylw
วันที่ 5 กันยายน 2556
http://www.youtube.com/watch?v=UiXU4Cv1ylw
วันที่ 5 กันยายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น